การเรียนรู้สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยเตาะแตะ การให้ลูกได้เล่นผ่านระบบ STEAM Education จะช่วยให้น้องๆ ได้ทดลองเล่น แก้ปัญหา เสริมสร้างทักษะแบบรอบด้าน วันนี้เรามาทำความรู้จัก STEAM Education กันว่ารูปแบบการเรียนแบบนี้เหตุใดจึงเหมาะต่อการเรียนรู้ของลูกน้อยในยุคปัจจุบัน

อะไรคือ STEAM Education ? คือหลักการสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระ (Interdisciplinary Integration) ซึ่งจะปูบนพื้นฐานของ

5 ศาสตร์ คือ

1. เสริมสร้างสมาธิ

ในเด็กเล็กการมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดได้เป็นเวลานาน อาจเป็นเรื่องท้าทายมากกว่าเด็กโต ดังนั้นการชวนลูกเล่นของเล่นที่ต้องอาศัยการคิด วิเคราะห์ เช่นตัวต่อบล็อกไม้ หรือของเล่นตัวต่อต่างๆ มาประกอบเป็นรูปร่างก็เป็นอีกหนึ่งวิธีทางที่ช่วยเสริมสร้างสมาธิให้ลูกสามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานานและยังทำให้ใจเย็นมากขึ้นด้วย

2. ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก

การได้หยิบจับสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ จานพลาสติก ผ้านุ่มๆ หรือดินสอสีก็จะช่วยให้ลูกน้อยสามารถเรียนรู้รูปทรงและน้ำหนักของสิ่งต่างๆ ได้ HALFFTOYS มอบสัมผัสที่มนเรียบ ไร้เสี้ยนหนาม โดยเด็กสามารถสัมผัสหยิบจับเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและระบบประสาทสัมผัสได้พร้อมกัน

3. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่อาจร่วมเล่น HALFFTOYS กับลูกๆ พร้อมสอนเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไปในตัว เช่น ไดโนเสาร์เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีทั้งประเภทที่กินพืช กินเนื้อ และประเภทที่อาศัยอยู่ในน้ำ นอกจากน้องๆ จะได้เรียนรู้เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตแล้ว ยังทำให้ได้ใกล้ชิดสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นด้วย

การมีสกิลการเข้าสังคมที่ดีตั้งแต่แรกเริ่มทำให้เด็กๆ มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับสิ่งรอบตัวและคนอื่นๆ ได้ เด็กๆ ที่มีสกิลการเข้าสังคมที่แข็งแรงจะรู้วิธีการรับมือกับสิ่งต่างๆ และไม่ตื่นกลัวที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น

วันนี้เรารวบรวม 7 สกิลการเข้าสังคมที่เป็นประโยชน์มาให้คุณพ่อแม่ได้เตรียมลูกๆ ให้พร้อมในการเข้าสังคมกันค่ะ

พัฒนาการ คือ การเปลี่ยนแปลงความสามารถและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในมนุษย์ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ 

ซึ่งพัฒนาการในเด็กนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ด้านหลักดังนี้

 

• พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ

• พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ

กล้ามเนื้อมัดใหญ่ต้องอาศัยการพัฒนาการตามลำดับ เช่น การนั่ง ตั้งไข่ ส่วนกล้ามเนื้อมัดเล็กสามารถฝึกได้ด้วยการหยิบจับสิ่งต่างๆ  การต่อบล็อกไม้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเช่นกัน

 

• พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร 

ทักษะการฟัง การทำตามคำสั่งได้ ใช้ภาษาท่าทางสื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ เช่น การบอกพ่อแม่ได้ว่ารู้สึกไม่สบายตัวตรงไหน

 

• พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม

เด็กสามารถเรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้าของคนรอบตัว รวมถึงแสดงออกถึงความคิดของตนกับคนรอบข้างผ่านสีหน้าได้ พ่อแม่ควรสอนให้เด็กควบคุมอารมณ์ตนเอง และมีมารยาทกับคนรอบตัว

 

• พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตัวเองและการปรับตัว

เช่น การกินอาหารด้วยตัวเอง เช็ดปาก แต่งตัว และเข้าห้องน้ำ 

 

สามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการในเด็กแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม

 

ช่วงวัยทารก 0-1 ปี 

เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นอะไรง่ายๆกับลูก เช่น เล่นตบมือ หรือจ๊ะเอ๋ รวมถึงยังสามารถให้พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กผ่านการหยิบจับสิ่งต่างๆ พัฒนาด้านภาษาผ่านการอ่านหนังสือรูปภาพต่างๆ ได้ตั้งแต่ตอนนี้

 

ช่วงวัย 2-3 ปี 

การฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองจะทำให้เด็กมีความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น สามารถฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ไปพร้อมกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น เขียนระบายสี ต่อบล็อกไม้ หรือปีนป่าย

 

ช่วงวัย 3-5 ปี 

เป็นช่วงวัยที่สามารถพัฒนาได้หลายรูปแบบและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ดังนั้นหากได้เล่นตุ๊กตาหรือฝึกบทบาทสมมุติก็จะช่วยให้เด็กเรียนรู้และจดจำความรู้ที่มาจากการเล่นนั้น วัยนี้ยังเป็นวัยที่สามารถฝึกให้ลูกช่วยงานบ้านง่ายๆ เช่น กวาดบ้าน รถน้ำ ต้นไม้ ได้ด้วย